2. ปัจจัยภายนอกร่างกาย
- เกิดจากยา เคมีบำบัด และสารพิษ
ยาหลายชนิดที่ทำให้ผมร่วงได้ เช่น ยารักษาโรคมะเร็ง ยาอื่นๆ(ดูในตาราง) หรือการได้รับสารพิษ เป็นต้น ทำให้ร่วงได้มากถึงวันละ 100-1,000 เส้น เกิดจากการที่ผมในระยะ anagen หยุดการเจริญเติบโตทำให้เส้นผมขาดและหลุดร่วงไป ผมจึงร่วงเป็นวันละมากๆได้เพราะเส้นผมปกติจะอยู่ในระยะ anagen ถึงร้อยละ 90 ของผมทั้งหมด ผมมักจะเริ่มร่วงประมาณ 1-2 สัปดาห์ และจะเห็นชัดประมาณ 1-2 เดือน หลังได้รับยา ผมอาจร่วงจนหมดศีรษะได้ แต่หลังจากหยุดยา ผมก็จะขึ้นใหม่ได้เอง โดยไม่ต้องรักษา
- การขาดสารอาหารหรือแร่ธาตุ
การขาดโปรตีนอย่างเดียว(Kwasshiokor) หรือการขาดแร่ธาตุต่างๆ เช่นเหล็ก สังกะสี จะทำให้มีผมร่วงทั่วศีรษะได้ แต่ถ้าขาดโปรตีนเป็นช่วงๆผมอาจจะไม่ร่วง แต่มีสีจางสลับกับสีเข้มได้
- การทำผม การมัดผม ดึงรั้งผม
บริเวณหน้าผาก หรือเกล้าผมบ่อย เป็นประจำ ทำให้ผมบริเวณนั้นร่วงง่ายขึ้น และผมบางลง ถ้าทำอย่างนั้นเป็นเวลานานมาก ผมบริเวณนั้น อาจจะไม่งอกขึ้นอีกเลย
เกิดจากการติดเชื้อ เช่น เชื้อรา-โรคกลาก, เชื้อแบคทีเรีย เช่น ฝี , รูขุมขนอักเสบ, วัณโรค, โรคเรื้อน, ซิฟิลิส ระยะที่ 3 , เชื้อไวรัส เช่น อีสุกอีใส งูสวัด, เชื้อโปรโตชัว เช่น Leishmaniasis เมื่อตรวจดูหนังศีรษะจะมีแผลเป็น เนื่องจากผิวหนังและรากผมถูกทำลาย เป็นลักษณะร่วงแบบมีแผลเป็น เมื่อรักษาโรคหายแล้ว ผมจะไม่งอกขึ้นมากอีกเลย
เกิดจากเนื้องอกของต่อมเหงื่อ ต่อมไขมัน รูขุมขน หรือมะเร็งของผิวหนัง มะเร็งที่แพร่กระจายมาจากอวัยวะอื่น
การรักษาผมร่วง
- ใช้ยา ส่วนใหญ่การใช้ยาเป็นวิธีการรักษาผมร่วงเริ่มแรก ทั้งยาทาและยาสำหรับรับประทาน ควรมาจากการแนะนำของแพทย์ เพราะมีผลข้างเคียงจากยาที่ต้องระวัง
- ทำทรีตเมนต์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดรากผมใหม่ รวมถึงบำรุงรักษาเส้นผมที่มีให้คงอยู่
- ปรับฮอร์โมน ในกรณีร่วงจากภาวะฮอร์โมนบกพร่อง
- ทำเลเซอร์ เพื่อแก้ปัญหาการเสื่อมสภาพของเส้นผม และช่วยกระตุ้นเส้นผมให้เกิดใหม่
- ฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น PRP (Platelet-rich Plasma) เพื่อกระตุ้นการทำงานของสเต็มเซลล์บริเวณรากผม
- การปลูกผมโดยวิธีผ่าตัดเจาะรากผมบริเวณท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณไม่ค่อยโดนผลกระทบจากฮอร์โมน แล้วย้ายรากผมมาปลูกลงในบริเวณที่ต้องการ
วิธีแก้ปัญหาและดูแลรักษาไม่ให้ผมร่วง
- หลีกเลี่ยงการมัดผมแน่นเกินไป พยายามอย่าดึง บิด หรือขยี้ผมแรงๆ
- ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่มีธาตุเหล็กและโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอในแต่ละวัน
- เลือกใช้แชมพูที่เหมาะกับสภาพหนังศีรษะ โดยแชมพูที่ใช้นั้นต้องไม่ก่อให้เกิดการแพ้ การคัน รังแค หรือผื่นบนหนังศีรษะ
- ผลิตภัณฑ์และเครื่องมือจัดแต่งทรงผมก็เป็นสาเหตุของปัญหาเช่นกัน เช่น เครื่องเป่าลม ที่หนีบผมผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม สารฟอกขาว น้ำยาดัด
- หลีกเลี่ยงความเครียด ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย หากกำลังเผชิญปัญหาควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมกับแต่ละบุคคล
การรับประทานอาหารสุขภาพดีเพื่อให้ร่างกายของคุณทำงานได้เต็มประสิทธิภาพนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ เมื่อร่วมกับการออกกำลังกายแล้ว จะช่วยให้ระดับฮอร์โมนของคุณมีความสมดุล ทำให้เลือดไหลเวียนดี และทำให้สุขภาพจิตของคุณดีขึ้น ซึ่งเหล่านี้จะไปลดความเครียดของคุณลง วิตามินและแร่ธาตุบางตัวช่วยเร่งให้ผมงอกได้ดี นั่นคือ